แชร์ประสบการณ์เพื่อนร่วมงานตัวแสบ พฤติกรรมเกินบรรยาย เสียชื่อคนไทยเลยทีเดียว

สวัสดีทุกท่านนะคะ วันนี้ขออนุญาตมาเล่าความ... ของเพื่อนร่วมงานตัวแสบที่ได้พบเจอมาให้ฟังค่ะ ยาวหน่อยนะคะ วีรกรรมเยอะมาก
เวลาจะรับใครเข้าทำงาน ควรจะโทรไปคุยกับบริษัทเก่าของคนคนนั้นก่อนดีที่สุดค่ะ ไม่เช่นนั้นจะเจอแบบที่เราจะเล่าต่อไปนี้

**กระทู้นี้มีจุดประสงค์เพื่อให้มีการพิจารณาการรับคนก่อนเข้าทำงานให้รอบคอบนะคะ**
**ขออนุญาตไม่เปิดเผยตัวจริงของบุคคลในเหตุการณ์นะคะ ไม่อยากให้กระทู้บานปลายค่ะ**

ปัจจุบันเราทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ประเทศจีน มีแผนว่าจะขยายธุรกิจมาลงทุนในประเทศไทย มีพนักงานไทย 2 คน พึ่งเริ่มทำงานและรู้จักกันเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา คนนึงก็คือเราเอง ส่วนอีกคนขอเรียกว่า "น้องเกิด" แล้วกันนะคะ บริษัทก็ได้ให้เราทั้งคู่บินมาทำงานที่เซี่ยงไฮ้ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน เคยแค่คุยไลน์เพื่อนัดเจอกันที่สนามบินก่อนมาไม่ถึงอาทิตย์

พอมาถึงออฟฟิศเริ่มทำงานวันแรก ก็เหมือนบริษัททั่วไปที่ HR จะต้องมีการอบรมพนักงานเข้าใหม่ แล้วก็เตรียมเอกสารต่างๆ พวกใบเซอร์ จดหมายผ่านงานจากที่เก่า หนังสือรับรองเงินเดือนและอื่นๆ เราก็เตรียมของเรามาส่วนหนึ่ง ขาดไป 2 ใบเพราะเตรียมไม่ทัน แต่น้องเกิดไม่ได้เอาอะไรมาเลยซักอย่าง แล้วเริ่มโวยวายว่าส่งเมลมาเป็นภาษาจีน อ่านไม่ออกเลยไม่ได้สนใจเลย คือเราก็ได้รับเมลเป็นภาษาจีนค่ะ เราก็อ่านไม่ออก เราเลยตอบเมลกลับไปให้เค้าช่วยส่งที่เป็นภาษาอังกฤษมาให้ กลายเป็นว่าต้องไปตามหัวหน้าเราให้มาดูแลเคสของน้องเกิดเป็นพิเศษว่าจะเอายังไง เพราะตามกฎแล้ว HR ทำเรื่องไม่ได้ค่ะ

ผ่านไปเกือบชั่วโมง หัวหน้าเคลียร์ให้ได้ HR ก็เลยเอาโน๊ตบุคมาให้ เป็นคอมประจำตำแหน่ง ไว้ใช้ทำงานที่นี่และสามารถนำกลับไปไทยได้ด้วย ก็เลยได้ลงมาทำงานกัน พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางปุ๊ป หัวหน้าก็นัดประชุมทีมกันค่ะ ในทีมก็จะมีคนไทย 2 คน คนจีน 2 คน และคนจีนมาเลย์อีก 1 คน ก็เป็นการประชุมแผนงานกันว่าจะรับผิดชอบส่วนไหน สรุปได้ว่าเรารับผิดชอบในส่วนของ product และน้องเกิดจะเป็นคนดูแล marketing ทั้งหมด ส่วนอีก 2 คนจะช่วยซัพพอร์ตข้อมูลกับแปลแผนเป็นภาษาจีนเพื่อนำเสนอผู้บริหารต่อไป

ในห้องประชุมก็จะมีการแชร์ไอเดียกันว่าใครคิดว่าอะไรเหมาะรึไม่เหมาะ น้องเกิดก็โอเคกับทุกอย่างค่ะ สั่งไรมาทำได้หมด ให้คุยกับดาราจะหาพรีเซนเตอร์ก็โอเคไม่มีปัญหา ให้เช็คราคาเตรียมทำแผนจัดซื้อสื่อก็โอเคๆ เยสๆ เราก็เบาใจลงไปหน่อยว่าแบ่งงานกันแล้วแบบนี้น่าจะเสร็จได้ตรงตามเวลาในอีก 2 วันข้างหน้า แต่พอมาอีกวันนึงเราทำงานงกๆ น้องเกิดเรานั่งดูยูทูปหัวเราะคิกๆ จนเลิกงานเราทำส่วนของเราเกือบจะเสร็จแล้วเลยได้ถามว่าทำถึงไหนแล้ว น้องเกิดหันมายิ้มแล้วพูดกับเราว่า "ทำไม่เป็นอ่ะ เดี๋ยวเค้าทวงค่อยบอกแล้วกัน" พูดเป็นภาษาไทยให้คนอื่นไม่เข้าใจ เรานี่เงิบไปเลยตอนนั้น แต่ก็ยุ่งมากไม่ได้เดี๋ยวกลายเป็นเผือกอีก จนมาอีกวันนึงที่เป็นกำหนดส่งเราเห็นท่าไม่ดีล่ะ เลยส่งไฟล์ pdf พวกข้อมูลต่างๆ ที่เราสะสมไว้ไปให้ ปรากฏว่าน้องเกิดเอา pdf อันนั้นปริ้นสกรีนแล้วตัดแปะใส่ powerpoint ส่งเลยค่ะ ไม่มีการสรุปหรือทำอะไรกับมันทั้งนั้น แน่นอนว่าทั้งทีมเงิบไปตามกันเมื่อเห็นงานที่น้องเกิดส่งมา เย็นนั้นหัวหน้านัดประชุมทีมด่วนเลยค่ะว่างานไม่โอเคต้องแก้นะ ให้น้องเกิดไปแก้มาใหม่ ส่งพรุ่งนี้เย็น

พอเลิกงานน้องเกิดก็รีบกลับเลยค่ะ บอกว่ามีเพื่อนคนจีนที่นี่นัดไว้จะพาไปเที่ยว เราก็โอเคไม่อยากยุ่งค่ะ แต่ปัญหาคือเช้าวันต่อมาน้องเกิดหายไปทั้งเช้าไม่มาทำงาน มาโผล่ตอนบ่ายแล้วก็บอกว่าไม่สบายขอกลับก่อน แล้วก็กลับไปเลยค่ะ เราเลิกงานมาตอนเย็นเลยเดินไปดูที่ห้องว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า ยังไงก็คนไทยด้วยกัน 2 คน แต่ว่าน้องเกิดไม่อยู่ห้องค่ะ (ห้องพักอยู่ติดกัน) ได้ยินเสียงเปิดประตูกลับมาอีกทีตอนเกือบๆ ตีหนึ่ง

แล้วก็ตามคาดอีกวันต่อมาน้องเกิดก็ไม่มาทำงานเลยค่ะ หายไปเลย บอกว่าท้องเสียลุกไม่ไหว ไข้ขึ้น ทางทีมก็เลยเสนอว่าจะพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล จะได้ช่วยคุยภาษาจีนให้ น้องเกิดก็ไม่ยอมไปค่ะ แล้วก็เป็นแบบนี้อยู่ 3 วันติด งานนี่ไม่ต้องพูดถึงค่ะ ส่งไม่ทัน สุดท้ายหัวหน้าต้องมาขอให้เราช่วยทำส่วนของน้องเกิดทั้งหมดแทน ไม่งั้นจะขออนุมัติแผนงานไม่ทันกำหนดที่วางไว้ สรุปคืออาทิตย์นั้นวันเสาร์อาทิตย์ทั้งทีมต้องเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศกันทั้ง 4 คน เพื่อให้งานเสร็จทำให้ได้

จนเราเริ่มหงุดหงิดกับพฤติกรรมทั้งหมดของน้องเกิดเลยเริ่มไล่เช็คดูว่าที่ผ่านมาเคยทำงานอะไรมาบ้าง ถ้ารู้ว่าทำอะไรเป็นจะได้ให้ทำส่วนนั้น แล้วก็มาเจอว่าน้องเกิดเคยทำงานที่บริษัทเดียวกับที่เพื่อนของเราทำอยู่พอดี ก็เลยทักไปถามเลยค่ะว่าเคยทำงานอะไร ยังไงบ้าง เพื่อนเราบอกมาแค่คำเดียวว่าอย่าไปพูดถึงมันเลย พูดแล้วขึ้น! เอาล่ะสิต่อมเผือกทำงานทันที เราก็เลยตื๊อถามไปเรื่อยๆ จนเพื่อนเราลากเราไปแชทกับหัวหน้าเก่าของน้องเกิดก่อนจะมาทำงานที่นี่ ขอเรียกว่าพี่ X แล้วกันนะคะ บทสนทนาคร่าวๆ ก็ประมาณนี้

พี่ X: ตอนนี้เค้าไปทำงานที่บริษัทเราเหรอ?
เรา: ใช่ค่ะพี่ ตอนเค้าอยู่กับพี่เค้าทำงานอะไรคะ?
พี่ X: เราเล่ามาก่อนซิว่าทำไมถึงอยากรู้
เรา: ก็เค้าทำอะไรไม่เป็นเลย ไม่รู้จะให้ทำอะไรดี แถมนี่ก็โดดงานหลายวันแล้ว
พี่ X: ตอนเค้าอยู่กับพี่ เค้าก็เป็นงี้แหล่ะ ไม่ทำงาน หายไปเลย
เรา: อ้าว แล้วงานล่ะคะ?
พี่ X: พี่ทำไง พี่ที่เป็นหัวหน้าเค้า เนี่ยต้องมานั่งทำแทนทั้งหมด
เรา: !!?
พี่ X: ปกติพี่ไม่เคยว่าผู้หญิงนะ แต่คนนี้ขอเหอะ แย่มาก เค้าชอบบอกว่าย่าไม่สบายต้องไปดูแล แต่จริงๆ ใครๆ ก็รู้ว่าไปเที่ยวกับแฟน
เรา: อ๋อเห็นเค้าบอกว่าเค้าเป็นรักทางไกล อยู่กันคนล่ะประเทศ แล้วพี่ทำไงอ่ะ
พี่ X: ก็ไม่ทำไง ปีใหม่ที่ผ่านมาพี่ขอให้เค้าเคลียร์งานทั้งหมดก่อนวันที่ 30 แล้วจะหยุดก็ตามสบาย
แต่เค้าหายไปเลยตั้งแต่วันที่ 26 หายไปแบบติดต่อไม่ได้ หายไป 12 วันงานก็ไม่เสร็จ พี่เสียหายมากเลยไล่ออก
เรา: เค้าบอกนู๋ว่าเค้าลาออกเอง เพราะไม่มีงานให้ทำ เค้าเบื่อ
พี่ X: อย่าไปฟังมัน มันโกหก มันไม่เคยพูดความจริงเลย นี่แถมยังขโมยคอมบริษัทพี่ไปด้วย ไม่ยอมเอามาคืน
เรา: ห๊ะ! ใช่คอมรุ่นนี้ๆ สเป็คนี้ๆ รึเปล่าคะ เค้าเอามาที่เซี่ยงไฮ้ด้วย บอกว่าที่เก่าซื้อให้
พี่ X: ใช่เลย เครื่องนั้นแหล่ะ นี่เรากลับวันไหนล่ะ พี่ว่าจะแจ้งความล่ะถ้าไม่ยอมเอามาคืน น้องก็ระวังไว้นะ มันขี้ขโมย

พอเรารู้แบบนี้แล้ว เราช็อคค่ะ ทำงานกับคนแบบนี้เหนื่อยแน่ๆ เลยตัดสินใจไปบอกหัวหน้าให้ทำอะไรซักอย่าง เพราะเราก็ไม่โอเคกับการที่ต้องทำงาน 2 เท่าแทนคนที่ไม่รับผิดชอบแบบนั้น หัวหน้าก็บอกให้เรารอดูไปก่อน เราก็เลยได้แต่ทำใจ นับวันรอบินกลับไทย หลังจากที่พ้นกำหนดส่งงานแล้วน้องเกิดก็มาทำงานตามปกติ (สายตามปกติ) แล้วก็เล่าเรื่องแฟนรวยมาก เป็นชาวต่างชาติ กินอาหารข้างทางไม่ได้ ต้องภัตราคารเท่านั้น ที่บ้านคุณแม่หวงมากมารับมาส่งตลอด เราก็ได้แต่ฟังๆ พยักหน้าหงึกๆ อยากพูดไปก็พูดไป เดี๋ยวกลับไทยก็ทำงานที่บ้านไม่ต้องเจอกันแล้ว

จนกลับมาไทยหัวหน้าก็โทรมาบอกเราว่าให้ช่วยทำงานนี้ๆ ให้หน่อย น้องเกิดหายไปเลย ช่วงอยู่ไทยเราก็ไม่ได้มีงานยุ่งมากก็เลยทำๆ ไปให้ก่อน โดยมีกำลังใจจากพี่ X ทักมาถามข่าวคราวเป็นระยะๆ จนความอดทนเราหมดเราเลยลองเอาชื่อจริง-นามสกุลของน้องเกิดไป Search Google เล่นๆ แล้วก็เจอแจ๊กพอตอีกหนึ่งเด้ง น้องเกิดเคยเป็นแม่ค้าขายของในเน็ตแล้วเชิดเงินลูกค้า จนมีคนรวมตัวกันพยายามจะแจ้งความ เราก็เริ่มกังวลแล้วว่าแบบนี้จะให้น้องเกิดเป็นตัวแทนบริษัทไปติดต่อพาร์ทเนอร์อื่นๆ คงไม่ได้ล่ะ เลยตัดสินใจส่งหน้าเว็บนั้นไปให้หัวหน้าดูแล้วบอกให้ใช้ google translate อ่านเอาเอง เดี๋ยวจะมาหาว่าเราใส่ความ แล้วก็ให้ไปคุยกับพี่ X เอาเองแบบหัวหน้าคุยกัน ปรากฎว่าหัวหน้าเงิบสนิทรีบโทรมาคุยกะเราเลยค่ะ แล้วก็ขอโทษที่ไม่เชื่อเราตั้งแต่แรก สุดท้ายเลยตัดสินใจว่าจะให้น้องเกิดออกแบบเงียบๆ ไม่ผ่านโปรประมาณนั้น

ผ่านมาอีกอาทิตย์กว่าๆ หัวหน้าก็ให้เรานัดน้องเกิดออกมาเจอที่ร้านกาแฟ เป็นการหลอกน้องเกิดให้เอาคอมมาให้เรา เราจะได้เอาคอมกลับมาคืนบริษัทเพราะอีกอาทิตย์นึงเราจะต้องบินมาทำงานที่เซี่ยงไฮ้อีกครั้ง โดยบอกว่าจะ video call มาคุยงานให้เอาคอมบริษัทมาด้วย แต่ว่าน้องเกิดไม่ยอมเอาคอมมา เลยต้องใช้วิธีโทรศัพท์คุยแทน ในตอนนั้นเราได้ยินแค่น้องเกิดเอาแต่พูดว่าขอโอกาสอีกครั้งบ่อยมาก แล้วเหมือนจะโดนทวงงานที่ไม่ได้ส่ง แล้วก็รับปากว่าจะส่งในวันพรุ่งนี้ พอวางหูโทรศัพท์น้องเกิดก็หันมาหาเราและของานเราทันที บอกว่าจะได้เอาไปส่ง จะได้จบๆ เรานี่ทานเค้กอยู่แทบติดคอ เลยบอกว่าเราส่งของเราไปหมดแล้ว คงให้ไม่ได้ แล้วน้องเกิดก็กลับไปก่อน ซักพักหัวหน้าก็โทรมาคุยกะเราว่าถ้าเป็นแบบนี้คงต้องให้น้องเกิดบินตามมาเซี่ยงไฮ้ด้วย จะได้เอาคอมมาคืน

เราบินมาก่อนประมาณอาทิตย์กว่าๆ งานยุ่งมาก ทำกันหัวหมุน จนถึงกำหนดที่น้องเกิดบินตามมาปรากฎว่าน้องเกิดไม่เอาคอมมาจากไทยค่ะ บอกว่าลืม สั้นๆ ง่ายๆ แล้วก็มานั่งเล่น iPad นั่งคุยโทรศัพท์กับแฟนทั้งวัน บางทีก็หายไปช็อปปิ้ง กลับมาหิ้วของเต็มมือ จนเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาหัวหน้าได้เรียกน้องเกิดไปคุยว่าจะให้ออก แล้วให้น้องเกิดเอาคอมส่งมาคืนบริษัท น้องเกิดก็รับปาก จนมาเมื่อวานตอนบ่ายน้องเกิดบอกว่าขอไปธนาคารแล้วก็หายไปเลย ทุกคนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเพราะปกติก็หายตัวแบบนี้อยู่แล้ว แถมออกแล้วด้วย

จนมาตอนเช้าวันนี้หัวหน้าโทรมาหาเราว่าให้ไปดูที่ห้องของน้องเกิดให้หน่อย ติดต่อไม่ได้เลย นี่ยังไม่ส่งหลักฐานการส่งคอมคืนให้เลย เรากับเพื่อนอีกคนเลยไปดูที่ห้องของน้องเกิดด้วยกัน ปรากฏว่าไม่อยู่แล้ว พอไปถามล็อบบี้ พนักงานก็บอกว่าเห็นว่าขนกระเป๋าออกไปตั้งแต่คืนวันศุกร์ เป็นเรื่องเลยค่ะที่นี้ น้องเกิดแอบเปลี่ยนตั๋วเองหรือยังไง เรากับทีมก็ไล่เช็คกันจนเจอว่าเธอเปลี่ยนตั๋วเองกลับไทยไปเรียบร้อย โดยไม่มีการแจ้งคืนโน๊ตบุคเครื่องนั้นเลย และเธอก็บล็อคช่องทางติดต่อทุกอย่างจากบริษัท โทรไปก็ไม่รับสาย

จนตอนนี้คนในบริษัทมองว่าคนไทยเป็นคนไม่ดี ขี้ขโมย ไร้ความรับผิดชอบไปแล้วค่ะ นี่ขนาดวันเสาร์เรื่องขโมยคอมยังกระจายไปได้ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าวันเปิดงานไปอาทิตย์หน้าจะขนาดไหน เราเองเป็นคนไทยคนเดียวที่เหลืออยู่ในทีมตอนนี้กระดิกตัวอะไรก็ผิดค่ะ โดนเหมารวมไปแล้ว หัวหน้าก็พยายามกันให้แต่เรื่องฉาวๆ นี่ยังไงก็หนีไม่พ้นขี้ปากชาวบ้านแน่นอนค่ะ มาตราการต่อไปนี่เห็นหัวหน้าบอกว่าคงจะต้องแจ้งความ และยึดเงินเดือนของเดือนนี้ไว้จนกว่าจะคืน ให้เวลา 30 วัน แล้วเรื่องนี้ยังกระทบกับความน่าเชื่อถือของทีมทุกคนด้วย งานนี้เดือดร้อนไปทั่วค่ะ แต่ที่ว่าแย่ที่สุดคือตอนนี้คนในออฟฟิศเริ่มยี้คนไทย แล้วถ้าข่าวนี้กระจายไปบริษัทอื่น ก็คงจะทำให้บริษัทจากจีนจะจ้างงานจากคนไทยคงคิดหนักค่ะ เพราะน้องเกิดมาทำงานที่นี่ในตำแหน่งเมเนเจอร์เลยยิ่งทำลายความน่าเชื่อถือมากกว่าเดิมค่ะ

ตอนนี้น้องเกิดกำลังมองหางานใหม่ด้วยโปรไฟล์สวยหรู ดูดีมีชาติตระกูล รอให้ HR หรือ Head Hunter มาดึงเรซูเม่จาก Linkedin ไปทำงานด้วย ใครที่สนใจจะรับใครเข้าทำงาน อย่าลืมเช็คประวัติดีๆ ก่อนนะคะ

สุดท้ายขอบคุณมากๆ ค่ะที่ทนอ่านมาจนจบ ถ้าใครเคยเจอคล้ายๆ กันมาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ อยากรู้ว่ารับมือกันยังไงบ้างค่ะ

*Edit แก้คำผิดค่ะ + เพิ่มข้อความด้านบนใน **
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่